Audi A6 Avant เป็นผลผลิตที่ต่อยอดมาจาก A6 ตัวถังแวกอนโฉมที่แล้ว มันมาพร้อมกับเรือนร่างสุดสวยในรูปแบบรถ 5 ประตูจอมอเนกประสงค์บวกฝาท้ายไฟฟ้า ชุดแต่ง Black Edition รอบคัน และสีแดงแสบสันของตัวถังรุ่นใหม่ ไฟหน้า LED พร้อมระบบไฟอัตโนมัติ Adaptive ที่อาจไม่ฉลาดเท่ากับไฟ HD Matrix LED Headlights Technology ที่ประจำการอยู่ใน Audi Q7 /Q8 และ A7 รุ่นสูงสุด ในส่วนของไฟหรี่กลางวัน LED เป็นอีกจุดที่ทำออกมาได้อย่างเฉียบคม ชุดแต่ง Black Edition ใช้กระจังสีดำเงา กรอบช่องรับอากาศบริเวณกันชนหน้าสีดำ กระจกมองข้างสีดำ ขอบกระจกบานประตูทั้งสี่สีดำ ล้ออะลูมิเนียมขอบ 19 นิ้ว ลาย 5 ก้านคู่ ห่อรัดด้วยยางสปอร์ต Pirelli P Zero ไซส์ 245/45 R19 เท่ากันทั้งสี่ล้อ
ตัวถังด้านข้างมีเส้นนำสายตาลากจากแก้มข้างไปจนถึงมือจับที่เปิดประตูบานหลัง ส่วนเส้นด้านบนจากมือจับที่เปิดประตูหลังลากไปจนถึงขอบของไฟท้าย ความเป็นรุ่น Black Edition ทำให้กรอบกระจกของรถรุ่นนี้ใช้สีดำทั้งหมด ส่วนมือจับที่เปิดประตูใช้โทนสีเดียวกับตัวรถ มิติตัวถังของ New A6 Avant 45TFSi Quattro S Line Black Edition มีความยาว 4,954 มิลลิเมตร กว้าง 1,886 มิลลิเมตร สูง 1,455 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,928 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหน้า 1,620 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหลัง 1,603 มิลลิเมตร ระยะโอเวอร์แฮงก์หน้า 924 มิลลิเมตร ระยะโอเวอร์แฮงก์หลัง 1,102 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,740 กิโลกรัม
เสาท้ายมีความลาดเอียงขององศาที่เชื่อมโยงกับผืนหลังคา ไฟท้าย LED แบบใหม่ที่สว่างและคมชัด Audi ใส่ใจกับระบบไฟเลี้ยวมากเป็นพิเศษ เมื่อยกไฟเลี้ยว หลอดไฟ LED จะกะพริบไล่จากด้านในออกไปด้านนอกพร้อมความสว่างที่ชัดเจน กันชนหลังตกแต่งด้วยอุปกรณ์ Black Edition ไม่ว่าจะเป็นไฟมัลติรีเฟกเตอร์ ท่อระบายไอเสียทรงเหลี่ยม (แบบหลอกๆ เพราะท่อจริงถูกซ่อนอยู่ด้านใน) กระจกบานฝาท้ายโค้งได้สัดส่วน ไฟเบรก LED ดวงที่สามติดตั้งอยู่บนสปอยเลอร์หลังคา เสาอากาศแบบครีบปลาฉลามที่ได้รับความนิยมมานานมากแล้ว รวมถึงชิ้นงานพลาสติกสีดำเงาที่ติดตั้งอยู่ข้างเสาท้ายสอดรับกับสปอยเลอร์หลังคา กันชนหลังของ New A6 Avant กลมกลืนไปกับบั้นท้ายจากงานดีไซน์ที่เป็นสไตล์ของแบรนด์สี่ห่วง
ตัวถังของ A6 Avant ยาวขึ้นเล็กน้อย โดยวัดความยาวได้ 4,954 มิลลิเมตร ยาวเฉียดๆ 5 เมตร ซึ่งเป็นความยาวเฉลี่ยของรถที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ A6 รุ่นใหม่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นจากระบบไฮบิรดเสริมและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกกับระบบความปลอดภัยที่ให้มามากกว่ารุ่นเดิม แชสซีมีความแข็งแกร่ง ทนทานต่ออาการบิดตัว เหมาะกับฐานล้อที่ยาวถึง 2,928 มิลลิเมตร ยาวเกือบเท่ากับ Q7 ใหม่กันเลยทีเดียว
การอยู่อาศัยในห้องโดยสารของ New A6 Avant คล้ายกำลังนั่งอยู่ในยานอวกาศของหนัง Sci fi ในนิยายวิทยาศาสตร์ Cockpit ของ New A6 แวกอน มีรูปแบบที่แหวกแนวและแตกต่างไปจาก BMW New Series-5 530i Touring หรือ Mercedes-Benz E220d Estate อย่างชัดเจน แดชบอร์คคอนโซลเอียงเข้าหาคนขับเล็กน้อย กรอบมาตรวัดความเร็วยกตำแหน่งสูงขึ้นเพื่อปรับความพอดีในการมอง พลาสติก อะลูมิเนียม ผ้าหุ้มหลังคาและหนังรวมถึงพรมรองพื้นใช้ของเกรดสูงทำให้ดูดีมีราคาและมีรูปแบบที่น่าใช้งาน หลังคา Panoramic แบบสองโซน เบาะนั่งปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ 2 ตำแหน่งแบบสปอร์ตหุ้มหนัง Valcona เบาะนั่งคู่หน้าใช้รูปแบบ Sports พร้อมสัญลักษณ์ S line ที่พนักพิงหลัง เบาะคู่หน้าที่ติดตั้งฟังก์ชันบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งผู้ขับขี่ เมื่อดับเครื่องยนต์ พวงมาลัยจะยกตัวขึ้นเล็กน้อย เบาะจะเลื่อนถอยหลังแบบอัตโนมัติเพื่อเปิดพื้นที่ในการออกจากห้องโดยสาร และเมื่อกลับเข้ามานั่งแล้วกดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ พวงมาลัยและเบาะจะเลื่อนกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมที่ตได้ตั้งค่าเอาไว้ ส่วนเบาะผู้โดยสารด้านหลังพับได้หลากหลายรูปแบบ การพับเบาะหลังราบลงกับพื้นจะช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระจาก 565 ลิตร เป็น 1,680 ลิตร ยัดของชิ้นโตได้อย่างสบาย
พวงมาลัย S Line Black Edition มีขนาดรอบวงค่อนข้างกะทัดรัด ออกแบบสไตล์สปอร์ตสามก้าน ก้านวงด้านขวามือติดตั้งสวิตช์รับหรือวางสายโทรศัพท์บลูทูธ สวิตช์ควบคุมระบบเสียง ปุ่มเลือกฟังก์ชั่นต่างๆ ส่วนสวิตช์ทางก้านวงซ้ายมือเป็นที่อยู่ของปุ่มควบคุมหน้าจอภาพมาตรวัดแบบ virtual cockpit การปรับเปลี่ยนการแสดงผลของมาตรวัด รวมถึงก้านปรับตั้งระบบปรับความเร็วอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control หลังวงพวงมาลัยยังติดตั้งแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ Paddle Shift เพื่อความรวดเร็วในการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ S Tronic 7 สปีด
คอนโซลกลมกลืนไปกับรูปแบบของจอ Touchsceen 2 ชั้น ออกแบบคล้ายแผงควบคุมที่อยู่ในยานอาวกาศ! ระบบไฟเรืองแสงตกแต่งประดับประดาห้องโดยสาร Contour/ambient lighting สามารถปรับตั้งสีได้ 6 เฉดสี จอภาพมอนิเตอร์กลางด้านบนสุดสั่งงานด้วยระบบ MMI Navigation plus with MMI touch response เป็นจอแสดงผลแบบสัมผัส ขนาด 10.1 นิ้ว ต่ำลงมาเป็นจอภาพที่ใช้ควบคุมอุณหภูมิในห้องโดยสาร haptic feedback ขนาด 8.6 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth/MP3 และ SD card พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB คอนโซลกลางที่ติดตั้งจอภาพสองจอ ด้านบนมีขนาด 10.1 นิ้ว รองรับการแสดงผลในส่วนของระบบ Infotainment ระบบนำทางด้วยดาวเทียมที่ละเอียดและปรับการแสดงผลได้อย่างหลากหลาย จอกลางเป็นศูนย์กลางของสมองกลประจำรถหรือ MMI Multi Media Interface ส่วนจอภาพด้านล่างระบบสัมผัส มีขนาด 8.6 นิ้ว แสดงผลระบบควบคุมอุณหภูมิ ฮีตเตอร์ ระบบหมุนเวียนอากาศภายในห้องโดยสาร พร้อมระบบปรับอากาศแบบ 4 โซน เป็นจอภาพมอนิเตอร์ที่สามารถออกคำสั่งด้วยการเขียนลงไปบนจอภาพ หรือจะสั่งงานด้วยเสียงก็ได้ทั้งนั้น
มาตรวัด TFT LCD Audi virtual cockpit เป็นระบบจอภาพแสดงผลทั้งมาตรวัดความเร็วและมาตรวัดรอบ โดยสามารถนำระบบนำทางด้วยดาวเทียมหรือฟังก์ชั่นการเล่นเพลง รวมไปถึงข้อมูลที่สำคัญขณะขับขี่มาใส่ไว้ตรงกลางมาตรวัดทั้งสอง Audi virtual cockpit เป็นเทคโนโลยีที่คิดค้นและพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ความสะดวกในการใช้งาน เช่น การตรวจสอบระบบต่างๆ ของตัวรถ รายงานผล สั่งงานฟังก์ชันต่างๆ โดยเฉพาะความสามารถในการแสดงผลภาพ 3D ที่มีความละเอียดคมชัดสูงสุด การแสดงผลเส้นทางผ่าน Navigation System ตรงหน้าคนขับทำให้ไม่ต้องละสายตาไปมองระบบนำทางที่จอมอนิเตอร์กลาง มาตรวัดตรงหน้าคนขับจัดของเล่นที่ถูกใจวัยแรงด้วยจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบของการแสดงผลได้ตามใจชอบ จอภาพมาตรวัดมีความละเอียด 1920x720 พิกเซล รองรับการแสดงภาพแบบ 3D ด้วยชิฟแบบ Quad-core ซึ่ง Audi ร่วมมือลงทุนพัฒนากับค่าย Nvidia ความล้ำของจอภาพมาตรวัดแบบ TFT ก็คือการเหนี่ยวนำเทคโนโลยีของการแสดงผลแบบล่าสุดมาให้ลูกค้าของ Audi ได้ใช้งานของแนวๆ มันสามารถแสดงผลข้อมูลได้ทั้งมาตรวัดส่วนต่างๆ ระบบแผนที่อิเล็กทรอนิกส์ เป็นการสานต่อนวัตกรรม Virtual cockpit ได้อย่างน่าชื่นชม
ไม่กี่ปีที่ผ่านมา แบรนด์เครื่องเสียงอย่าง Bang & Olufsen เป็นหนึ่งในชื่อที่มีความโดดเด่นในวงการรถยนต์ด้านระบบเสียง โดยต่อยอดการพัฒนาระบบเสียงสำหรับ Aston Martin Mercedes-Benz และ Audi ในบรรดาแบรนด์ที่ใช้ระบบเสียง Band & Olufsen นั้น Audi น่าจะเป็นบริษัทรถที่ใช้เครื่องเสียงจาก Bang & Olufsen มากที่สุด ระบบเสียง B&O เกือบทุกรุ่นของ Audi ถูกปรุงแต่งและจัดวางตำแหน่งของลำโพงเพื่อการรับฟังในระดับสูง ในเยอรมัน คุณสามารถซื้อ Audi A3 รุ่นออฟชั่นธรรมดาที่มาพร้อมกับลำโพง 14 ตัว, กำลังขับมากถึง 750 watt ระบบ Bang & Olufsen แพร่หลายในยานยนต์หลากหลายยี่ห้อ จากคุณภาพของลำโพงและแอมป์สำหรับ Audi A6 ใหม่ B&O บริษัทผู้ผลิตลำโพงสัญชาติเดนมาร์กได้ก้าวเข้าสู่การปรุงแต่งมิติของเสียงให้มีความสมบูรณ์แบบสูงสุด
Audi A6 Avant 45TFSi Quattro S Line Black Edition ติดตั้งระบบเสียงขั้นสูงแบบ 3D surround sound ของ Bang & Olufsen ซึ่งมีเทคโนโลยี Symphoria ใหม่ของแบรนด์ เป็นเทคโนโลยีการเรนเดอร์สำหรับเสียงเซอร์ราวด์ 3D ซึ่งพัฒนาโดยสถาบัน Fraunhofer สำหรับ Integrated Circuits IIS โดยพื้นฐานแล้ว การจัดวางตำแหน่งลำโพงใน New A6 เพื่อห่อหุ้มผู้โดยสารด้วยเสียงที่คมชัดและหนักแน่น จากข้อมูลของ Harman บริษัทแม่ของ Bang & Olufsen ระบบเสียงขั้นสูง 3D surround sound เปิดมิติใหม่ในการรับฟัง รองรับทั้งการเล่นเพลงผ่านระบบบูลธูทหรือช่องเชื่อมต่อ USB รวมถึงอุปกรณ์เล่นเพลงจากภายนอก ลำโพงทวิตเตอร์ขนาดเล็กให้เสียงแหลมที่คมชัดแต่ไม่บาดแก้วหู สำหรับซัฟวูฟเฟอร์เติมเสียงเบสที่หนักแน่นมากยิ่งขึ้น อาจไม่ครบองค์ประกอบเท่ากับเครื่องเสียง B&O ใน Audi Q8 55TFSi ซึ่งมีจำนวนของกรวยลำโพงมากกว่า แต่มิติของเสียงที่ชัดเจนและเต็มไปด้วยพลังของ A6 จะทำให้การรับฟังเพลงขณะเดินทางเปรียบเหมือนการเปิดมิติใหม่ของการขับขี่ เครื่องเสียง Bang & Olufsen ใน New A6 Avant ประกอบด้วย ลำโพง 16 ตำแหน่ง amplifier 15 channel กำลังขับ 705 watts ระบบ Symphoria® 3D algorithm by Fraunhofer IIS ระบบตัดเสียงรบกวน Vehicle Noise Compensation (VNC)
การลดความจุในเครื่องยนต์ของ A6 Avant ไม่ได้ทำให้สมรรถนะของมันลดลงแต่อย่างใดทั้งสิ้น ปัจจุบัน เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร 1,984 ซีซี มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะดันตัวเลข 0-100 ได้ในเวลาเพียงแค่ 6.2 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดทะยานได้ถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบไฮบริดเสริม mild hybrid (MHEV) ขนาด 12V ที่ติดตั้งในเครื่องยนต์ของ A6 Avant รุ่น 45TFSi มีการแยกปั้มน้ำให้ทำงานด้วยระบบไฟฟ้า เสริมการตัดต่อในระบบ Auto Start/Stop ให้ทำงานได้เนียนขึ้น ลดอาการกระตุกขณะเครื่องยนต์กลับมาสตาร์ตอีกครั้ง ลดอาการรอรอบของเครื่องยนต์เทอร์โบ รวมถึงยังแยกแบตเตอรี่ออกเป็นสองชุด ทำให้การใช้ไฟฟ้าในรถมีความเสถียรมากกว่าเดิม ตัดปัญหาแบตเตอรี่มีกำลังไฟสำรองไม่เพียงพอ ส่วนรุ่นรองลงมาอย่าง A6 รุ่น 40TFSi มีการปรับจูนเครื่องยนต์ให้มีกำลังที่ด้อยกว่ารุ่น 45 TFSi แต่ก็มีตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ในเกณฑ์ดี
เครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนของ New A6 Avant เป็นอีกจุดที่น่าตื่นตาตื่นใจ มันวางเครื่องเบนซินขนาดเล็กความจุแค่ 2 ลิตร พร้อมเทอร์โบคอยบูสเสริมแรงบิด เป็นเครื่องยนต์รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพ มันจะทำให้คุณลืมเครื่อง 5 สูบในอดีตอย่างรวดเร็ว แรงม้าสูงสุดของเครื่อง 4 สูบ 2 ลิตร ทำได้ 245 ตัว ที่ 5,000-6,500 รอบต่อนาที ส่วนแรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร 1,600-4,300 รอบต่อนาที ออกมาในลักษณะ flat torque ไหลขึ้นไปเรื่อยๆอย่างนิ่มนวล แรงฉุดลากเมื่อกดคันเร่งจนสุดไม่ได้ดึงแบบกระโชกโฮกฮากเหมือนเครื่องใหญ่รุ่นเบนซิน V6 ทวินเทอร์โบ ในรุ่น 55TFSi สำหรับรุ่นรองอย่าง 45TFSi ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดเล็ก 12V แยกจากแบตเตอรี่ประจำรถขนาด 12V เช่นกัน ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติ automatic transmission S tronic 7 สปีด เชื่อมต่อกับชุดขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาแบบ Quattro
ช่วงล่างด้านหน้าแบบปีกนกคู่ดับเบิลวิชโบน ด้านหลังใช้มัลติลิงก์ โช้คอัพและสปริงแบบค่าตายตัวที่เซ็ตมาดีมากทั้งระยะยืดและยุบ เป็นระบบรองรับแบบปรับค่าไม่ได้ที่ให้อารมณ์ความรู้สึกผ่อนคลายนั่งสบายไม่มีอาการกระด้าง แม้ล้อจะใหญ่ถึง 19 นิ้วแต่ยาง 245/45R19 มีแก้มยางที่ค่อนข้างสูงบวกกับการปรับตั้งที่เน้นความนุ่นนวลแบบรถผู้บริหาร ความรู้สึกกระด้างจึงน้อยกว่ารถรุ่นน้องอย่าง A4 Avant 45TFSi Quattro S Line Black Edition เนื่องจาก A4 รุ่นที่ขายในไทยโดย Audi Thailand ใส่ยางแก้มเตี้ย Series 45 มาให้แม้จะไม่ได้แข็งหรือสะเทือนมากมายอะไรแต่การเซ็ตอัพช่วงล่างของ New A6 Avant ออกมาในลักษณะที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่ารถวัยรุ่นอย่าง A4
ช่วงล่างถอดแบบมาจาก RS6 รุ่นที่แล้ว ปีกนกอะลูมิเนียมที่ด้านหน้าในรูปแบบดับเบิลวิชโบนและมัลติลิงก์ที่ด้านหลังมีส่วนช่วยทำให้รถเกิดความเสถียรเมื่อขับเร็ว พวงมาลัยไฟฟ้าแบบ Dynamic แปรผันน้ำหนักไปตามโหมดขับเคลื่อนหรือความเร็วที่ใช้ในขณะนั้น ดิสเบรกสี่ล้อ เบรกหน้าเน้นหนักในด้านการหยุดยั้งฝูงมา 250 ตัวด้วยเบรกหน้าแบบ 4 พอต ส่วนเบรกหลังยังใช้แบบ Single Port ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro เมื่อขับในสภาวะปกติจะเน้นกระจายแรงบิดไปที่ล้อหลังมากเป็นพิเศษ ล้อแมคนีเซียมอัลลอย ขอบ 19 นิ้ว ลายธรรมดาสามัญแต่ล้างทำความสะอาดง่าย ยางติดรถ pirelli p zero ขนาด 245/45 R19 ดูเป็นมิตรเมื่อฝนตกและยึดเกาะดีเมื่อแดดจัด
งานออกแบบ A6 Avant ไม่ได้โดดเด่นหรือแจ่มจันทร์เหมือนรถคู่แข่ง แต่โดยรวมแล้ว เส้นสายของ New A6 โดยเฉพาะตัวถังรุ่นแวกอนดูทรงพลังและมีมัดกล้ามมากกว่าทั้ง 530i Touring และ E220d Estate แนวหลังคาที่เตี้ยกว่า ฐานล้อยาวเหยียดเฉียดๆ 3,000 มิลลิเมตร โอเวอร์แฮงก์ที่ลงตัวไม่ยาวเกินไปอยู่ในเกณฑ์พอดีๆ ตัวรถด้านหน้ามาพร้อมกับกระจังดำในสไตล์ Black Edition มีช่องรับอากาศขนาดใหญ่เป็นเอกลักษณ์ของยานยนต์จาก Audi ไฟหน้าออกแบบได้อย่างเฉียบคมและมีรัศมีการส่องสว่างไกล 500 เมตร เป็นระบบไฟหน้าอัตโนมัติทำงานตามสภาพการจราจรและสภาพอากาศ รูปแบบของถนน ความเร็วและสภาพแวดล้อมของเส้นทางที่ขับ เสาหลังออกแบบตามเอกลักษณ์ซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าของ Avant เพิ่มความเด่นด้วยไฟท้าย LED ทรงยาวขนานไปกับฝาท้ายพร้อมเส้นสีดำเล็กๆ คาดกลาง แชสซีทำจากอะลูมิเนียม เหล็กและพลาสติกแข็งในบางจุดบางตำแหน่งที่ต้องการลดนน้ำหนัก เสาหน้า เสากลาง เสาหลัง และคานด้านล่างทั้งสองฝั่งทำจากเหล็กเหนียวพิเศษ ส่วนฝากระโปรงหน้า บานประตู และฝาท้าย ทำจากอะลูมินัมอัลลอย
ความล้ำสมัยในด้าน Aerodynamic สะท้อนผ่านงานออกแบบอย่างเด่นชัด กันชนหน้ามีช่องรับอากาศที่เข้าไประบายความร้อนให้กับชุดเบรกหน้า บานประตูทั้งสี่ดูโฉบเฉี่ยวด้วยเส้นนำสายตาที่เฉียบคม เมื่อเข้าไปนั่ง การปรับเบาะไฟฟ้าที่ทำได้ค่อนข้างละเอียดส่งผลให้คนขับสามารถปรับท่านั่งตามต้องการได้อย่างครอบคลุม เบาะเตี้ยใช้ได้และจัดวางตำแหน่งเบาะคนขับมาดีมาก ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์อยู่ตรงคอนโซลกลางด้านล่าง เมื่อกดลงไปก็เครื่องยนต์ติดขึ้นอย่างง่ายดายพร้อมๆกับความเงียบสงบของห้องโดยสาร การขับ A6 Avant รุ่น 45TFSi ด้วยโหมด Auto เป็นเรื่องที่ง่ายดายสำหรับผู้ขับ ทันทีที่เปลี่ยนโหมดเกียร์จากออโตมาเป็นแมนนวลหรือโหมดเกียร์ธรรมดา เกียร์ S Tronic 7 สปีด จะไม่ยอมเปลี่ยนให้จนกว่าคุณจะใช้แป้น Paddle หรือใช้การผลักคันเกียร์ขึ้น-ลงในตำแหน่ง +/- เพื่อปรับอัตราทดด้วยตัวเอง อัตราเร่งออกแนวไหลขึ้นไปเรื่อยๆแต่เร็วจิ้ดซึ่งเกิดจากความนิ่งของช่วงล่างและพวงมาลัยที่เซ็ตมาดี เป็นชุดส่งกำลังที่ทำงานได้ว่องไวไม่แตกต่างไปจากเกียร์ ZF 8 สปีดของ BMW หรือแม้แต่เกียร์ 9-G Tronic ของ Mercedes-Benz เกียร์ 7 สปีดของ Audi แม้จะมีอัตราทดที่เป็นรองแต่ทำงานได้ไวและลื่นไหลแทบจะไม่ต่างไปจากเกียร์ของรถคู่แข่งที่มีอัตราทดมากกว่า
เสียงเครื่องยนต์ 4 สูบ เมื่อใช้คันเร่งปกติเบาบางจนแทบจะไม่ได้ยิน แต่ที่ได้ยินเมื่อความเร็วสูงขึ้นก็คือเสียงยางและเสียงลมปะทะตัวถังที่ดังลอดเข้ามาเบาๆตั้งแต่ 120 กิโลเมตรขึ้นไป วิ่งเร็วกว่านั้นก็ไม่ได้ดังมากมายจนน่ารำคาญ เกิดจากเสียงการทำงานของยาง pirelli p zero ซึ่งมีดอกยางแบบสปอร์ตไม่ได้เป็นยางนุ่มเงียบซึ่งจะขัดกับรูปแบบความเป็นสปอร์ตแวกอนของ Avant เมื่อลงคันเร่งจนสุด เครื่องยนต์ TFSi รุ่นยอดนิยมคำรามพอให้ได้ยินว่ามันกำลังลากคุณขึ้นสู่รอบเครื่องที่สูงกว่าปกติ ความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างมากหากไม่มองมาตรวัดก็จะไม่รู้เลยว่าคุณได้ทะยานเข้าใกล้ความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแค่แวบเดียวเท่านั้นไม่ต้องรอกันนาน โครงสร้างของรถทำจากอะลูมิเนียมซึ่งเป็นวัสดุหลัก เครื่องยนต์ที่เล็กและเบากว่าเดิมพร้อมแรงบิดแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยมีส่วนช่วยทำให้เกิดความคล่องตัว การที่ Audi ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ทำให้มีน้ำหนักมากกว่ารถขับหน้าหรือขับหลัง การลดน้ำหนักส่วนเกินออกไปด้วยการใช้อัลลอยมาทำตัวถังในบางจุดนั้นช่วยแก้ปัญหานี้ได้
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro ปกติจะเฉลี่ยแรงบิดไปที่ล้อหลังมากกว่าล้อหน้า หรือขึ้นอยู่กับสภาวะการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาทั้งสภาพถนนและสภาพอากาศ ชุด Quattro สามารถปรับแรงบิดอย่างเหมาะสม โดยในบางกรณี ระบบอาจส่งถ่ายแรงบิดไปที่ล้อหลังมากถึง 70% โดยถ่ายไปที่ล้อหน้าแค่ 30% หรือบางจังหวะจะโคนอาจเทไปที่ล้อหน้ามากถึง 80% แล้วลดแรงบิดล้อหลังเหลือแค่ 20% นั่นทำให้คุณไม่ต้องมาคอยระวังการใช้คันเร่งในโค้งเหมือนรถขับหลังของคู่แข่ง การขับทดสอบบนทางหลวงชนบทแถบอำเภอศรีสวัสดิ์ซึ่งอุดมไปด้วยทางภูเขาสูงชัน เนินยาวที่ทอดตัวผ่านหุบเขากับโค้งแคบๆวกไปวนมา คุณสามารถควบคุมมันได้ง่ายพอๆกับการขับ Honda Accord ขับเคลื่อนล้อหน้า โดยไม่ต้องกังวนว่าจะเกิดอะไรบ้าๆกับล้อคู่หลังเมื่อหวดมาเต็มสปีด โหมดการขับเคลื่อนหรือ Drive Select ถูกติดตั้งมาให้ในรถยนต์ Audi ทุกรุ่นที่มีขายในปัจจุบัน มันอนุญาตให้คุณเลือกโหมดที่เหมาะสมกับความต้องการหรือสไตล์การขับ เช่น Comfort /Auto/Dynamic หรือปรับค่าการตอบสนองของเครื่องยนต์ เกียร์และพวงมาลัยตามใจชอบในโหมด individual ช่วงล่างแบบสปอร์ตมีค่าตายตัวปรับตั้งความสูงหรือความหนืดของโช้คอัพไม่ได้แต่เซ็ตมาดีเหลือกำลังลาก อารมณ์ความรู้สึกของช่วงล่างออกมาในแนวรถผู้ใหญ่ เน้นความสบายเนื้อสบายตัว เมื่อขับเร็วในโค้งก็ไม่ได้มีอาการย้วยจนทำให้รู้สึกไม่ดี อาจไม่ถูกจริตกับคนที่ชอบช่วงล่างแบบสปอร์ตที่ให้อารมณ์แข็งขืนอย่าง S6 Avant หรือแม้แต่รถแวนที่แรงที่สุดในโลกอย่าง RS6 Avant เมื่อขับทางไกลคุณจะชอบช่วงล่างแบบนี้ที่ทำให้รู้สึกสบายไปตลอดทาง A6 Avant ให้ความรู้สึกของระบบรองรับคล้ายช่วงล่างของ Q7 TDi รุ่นที่แล้วซึ่งปรับตั้งอะไรไม่ได้แต่ โคตรดี!
Comfort เป็นโหมดกลางๆ ที่ขับสบาย คันเร่งมีการตอบสนองพอดี ไม่มากเหมือน Dynamic ที่คอยจ้องแต่จะดีดลูกเดียว ถ้าไม่ได้ขับแบบท้ารบกับใคร โหมด Comfort และ Auto ก็ดูจะเหมาะสมกันดีกับรูปแบบรถพ่อบ้านหนีเที่ยวของมัน การขับบนเส้นทางต่างจังหวัดใน A6 รุ่นใหม่กลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจและไม่ซ้ำซากจำเจ การตอบสนองของเครื่องยนต์ในโหมดขับเคลื่อนมาตรฐานด้วยค่ากลางๆใน Comfort Mode เครื่องยนต์จะสำแดงแรงดึงก็ต่อเมื่อคันเร่งถูกจมลงไปจนมิด การเหยียบคันเร่งใน A6 ให้ความรู้สึกเบาเท้าราวกับคันเร่งในรถญี่ปุ่น ยิ่งเหยียบลงไปคุณจะรู้สึกได้ถึงแรงดึงที่เพิ่มขึ้นอย่างนิ่มนวลแต่เร็วเอาเรื่อง ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากการทำงานของระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ช่วงล่างและพวงมาลัยไฟฟ้า การตอบสนองแบบเร็วแต่นิ่มนวลค่อนข้างขัดแย้งกับรูปแบบของตัวรถที่มาในเวอร์ชั่น Black Edition
หากเทียบกับ BMW ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตรเทอร์โบเหมือนกันในรุ่น 530i M Sport เจ้าตราใบพัดจะให้ความรู้สึกแข็งมากกว่านิดๆ ส่วนตราดาว Mercedes-Benz E220d Estate นั้นวางเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบความจุสูสีกันแต่ดันมีแรงบิดมากกว่า อารมณ์การขับเคลื่อนของ E220d Estate จะออกมาคล้ายกับ A6 Avant มากกว่านั่นก็คือความสบายท่ามกลางแรงบิดที่ใส่มาให้อย่างเหลือเฟือ ส่วนพวกมือหนักเท้าหนัก แรงบิด 370 นิวตันเมตรของ A6 Avant ดูเหมือนจะไม่ได้มากมายอะไร แต่อย่าลืมว่าถนนในเมืองไทยนั้นไม่เหมาะกับรถที่มีแรงบิดมหาศาลเกิน 600 นิวตันเมตร คนขับรถคันอื่นจะคาดเดาความเร็วรถของคุณผิดพลาดเสมอ อาจเปลี่ยนช่องทางหรือวิ่งคาอยู่ในจุดที่แซงไม่ได้ ซึ่งนั่นหมายถึงอันตรายที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรงตามมา
การทำงานของพวงมาลัยไฟฟ้าให้น้ำหนักที่แตกต่างไปจากรถคู่แข่ง พวงมาลัยของ A6 Avant เกือบทุกโหมดออกมาในลักษณะเบาสบายข้อมือและหน่วงน้ำหนักเท่าที่จำเป็นเมื่อขับเร็วขึ้น มันมีการตั้งระยะฟรีตรงกึ่งกลางที่ดีมาก การคืนตัวเมื่อเลี้ยวกลับลำเป็นไปอย่างธรรมชาติ ไม่ได้หมุนเร็วรุนแรงจนอาจทำให้ตกใจเหมือนรถบางรุ่น Dynamic ในจุดนี้เกิดขึ้นจากการปรับตั้งมุมแคมเบอร์ที่ลงตัว ทำให้การเลี้ยวเฉียบคมสมกับการเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ A6 Avant ยังเป็นรถแวนช่วงยาวเกือบ 5 เมตร แต่ล้อหน้าสื่อสารกับคนขับได้ดีทำให้จับอาการของรถและยางได้ง่าย เป็นรถ 5 ประตูที่มีสมดุลเวลาวิ่งทางตรงและเลี้ยวเร็วๆ ส่วน Quattro ทำให้การขับบนเส้นทางคดเคี้ยวกลายเป็นเรื่องสนุกที่น่าจดจำ Audi A6 Avant 45TFSi Quattro S Line Black Edition มีรายละเอียดมากมายที่น่าชมเชย (ยกเว้นราคาที่โดนภาษีนำเข้าแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย) ยอมรับว่าทีมเซ็ตรถนั้นทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม มันให้ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับรถ เบาและเกาะถนน พร้อมที่จะถูกอัดหนักๆ โดยยังคงความสบายตัวให้กับคนขับ ดีกว่านี้ก็ต้องขึ้นไปหา S6 Avant ขับกันละครับท่านผู้ชม.
Audi A6 Avant 45 TFSI quattro S line Black Edition ราคา 4,299,000 บาท
แบบเครื่องยนต์
เครื่องยนต์เบนซิน mild hybrid (MHEV)
4 สูบ พร้อมระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบฉีดตรง (direct injection), เทอร์โบชาร์จ
จำนวนวาล์ว 16
ปริมาตรกระบอกสูบ 1,984 ซีซี
แรงม้าสูงสุด 180 กิโลวัตต์ 245 แรงม้า ที่ 5,000-6,500 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร 1,600-4,300 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติ S tronic 7 จังหวะ
ระบบขับเคลื่อน ขับเคลื่อนสี่ล้อ (quattro)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 6.2 วินาที
ความเร็วสูงสุดโดยประมาณ 250 กม./ชม.
ระบบตัดการทำงานเครื่องยนต์อัตโนมัติ ( Start/stop system)
พวงมาลัย พวงมาลัยไฟฟ้า
เบรกหน้า ดิสก์เบรก
เบรกหลัง ดิสก์เบรก
พื้นที่เก็บสัมภาระ 565-1,680 ลิตร
ความจุถังน้ำมัน 73 ลิตร
ล้อ 19 นิ้ว ขนาด 8.5 J x 19 ยาง pirelli p zero ขนาด 245/45 R19
ระบบความปลอดภัย
A6 Avant 45 TFSI quattro S line
Black Edition
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง
ระบบเตือนการคาดเข็มขัดนิรภัย
ระบบเบรกมือไฟฟ้า
ระบบล็อกเบรกขณะหยุดนิ่ง (Audi hold assist)
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system)
ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic brake distribution)
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS (Traction control system)
ระบบควบคุมการทรงตัว ESC (Electronic control system with
stabilization function)
เซนเซอร์หน้า-หลังช่วยในการนำรถเข้าจอด
กล้องแสดงภาพด้านหลัง ขณะถอยจอด
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก
ชุดปฐมพยาบาล
อุปกรณ์มาตรฐาน
ช่วงล่างแบบสปอร์ต
ระบบเลือกโหมดการขับขี่ (Audi drive select)
ชุดตกแต่งภายนอกแบบ Black Edition
อุปกรณ์มาตรฐาน
A6 Avant 45 TFSI quattro S line
Black Edition
ชุดตกแต่งภายนอกแบบ S line o
ชุดตกแต่งภายในแบบ S line o
หลังคาพาโนรามิคเลื่อนเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า o
ไฟหน้าแบบ Matrix LED o
ไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED
กระจกมองหลังพร้อมระบบตัดแสงอัตโนมัติ
ระบบเปิด-ปิดไฟหน้า และปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
กระจกมองข้างตัดแสงและปรับ-พับไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชั่นบันทึกตำแหน่ง
ความสะดวกสบาย
เบาะนั่งหุ้มหนัง Valcona
เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Sports พร้อมสัญลักษณ์ S line
เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชันบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งผู้ขับขี่
เบาะผู้โดยสารด้านหลังพับได้
ด้านบนของคอนโซลหน้าและแผงประตูชิ้นบนหุ้มด้วยหนัง
ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติควบคุมอุณหภูมิแยกอิสระ 4 โซน
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน แบบสปอร์ตท้ายตัด ตกแต่งด้วยหนัง
Perforated พร้อมสัญลักษณ์ S line และ paddle shift
ระบบควบคุมความเร็วคงที่ (Cruise control)
ม่านบังแดดประตูด้านหลังซ้าย-ขวา
กุญแจแบบ Comfort key พร้อมระบบเปิด-ปิดบานประตูท้ายโดยไม่ต้องใช้มือ
ระบบข้อมูลและความบันเทิง
ระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม Bang & Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ
จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual cockpit plus ขนาด 12.3 นิ้ว
ระบบ MMI Navigation plus with MMI touch response พร้อม
จอแสดงผลแบบสัมผัส ขนาด 10.1 นิ้ว
ระบบ Audi smartphone interface
จอควบคุมมัลติฟังก์ชันแบบสัมผัสพร้อมตอบสนองการสั่งงาน (haptic feedback) ขนาด 8.6 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth รองรับ MP3
ช่องเชื่อมต่อ USB บริเวณห้องโดยสารด้านหน้า และด้านหลัง
ไฟเรืองแสงในห้องโดยสารแบบปรับสีได้ (Contour/Ambient lighting)
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/
June 10, 2020 at 10:00AM
https://ift.tt/30mORAe
ลองของดี ขับสี่ทรงแวกอน! ทดสอบ AUDI A6 AVANT 45TFSi QUATTRO S LINE BLACK EDITION - ไทยรัฐ
https://ift.tt/30rXUjw
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ลองของดี ขับสี่ทรงแวกอน! ทดสอบ AUDI A6 AVANT 45TFSi QUATTRO S LINE BLACK EDITION - ไทยรัฐ"
Post a Comment